CHRISTMAS DEAL: Get 6 months free on all Yearly Plans (50% off).

1

Days

9

Hours

16

Mins

44

Secs

10 เครื่องมือสร้างบล็อก AI ที่ดีที่สุดที่คุณต้องลองตอนนี้!

Yi

Yi

SEO Expert & AI Consultant

เครื่องมือสร้างบล็อก AI

บทนำ

ตอนนี้เครื่องมือสร้างบล็อก AI กำลังเปลี่ยนวิธีที่เราเขียนและสร้างเนื้อหากันไปแบบเยอะเลยอะ เครื่องมือที่ใช้ AI ที่ทรงพลังพวกนี้ มันใช้ความสามารถของการเรียนรู้ของเครื่อง กับการประมวลผลภาษาธรรมชาติ มาช่วยสร้างโพสต์บล็อกคุณภาพสูงๆ แทบจะไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์มากเท่าไหร่เลย แค่ไม่กี่คลิกเอง คุณก็สามารถมีบทความที่ทั้งวิจัยมาอย่างดี แล้วก็น่าอ่าน น่าสนใจ พร้อมให้กดเผยแพร่ได้เลยแบบแทบจะทันที

เครื่องมือสร้างบล็อก AI ทำงานอย่างไร?

เครื่องมือสร้างบล็อก AI ทำงานโดยการเอาข้อมูลจำนวนมากๆ จากหลายแหล่งมาวิเคราะห์ ทั้งบทความ บล็อก แล้วก็เอกสารวิชาการต่างๆ มันจะค่อยๆ เรียนรู้รูปแบบและโครงสร้างของเนื้อหาที่คนเขียนกันจริงๆ ว่าปกติเขาเขียนกันยังไง จากนั้นก็เลยสามารถสร้างบทความที่เป็นต้นฉบับของตัวเองขึ้นมาได้ และยังเขียนให้เนื้อหาดูลื่นไหล สอดคล้องกันทั้งเรื่องด้วย ซึ่งมันสามารถเลียนแบบสไตล์การเขียนของมนุษย์และรักษาเสียงแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ.

ข้อดีของการใช้เครื่องมือสร้างบล็อก AI

ข้อดีของการใช้เครื่องมือสร้างบล็อก AI จริงๆ เยอะมากเลย แบบเยอะจนบางทีเลือกไม่ถูกว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี:

  1. ประหยัดเวลาและความพยายาม: แทนที่คุณจะต้องมานั่งใช้เวลาหลายชั่วโมงในการค้นคว้า หาข้อมูล แล้วก็นั่งคิดไอเดียแบบหัวแทบแตก คุณสามารถพึ่งพา AI ให้ช่วยสร้างเนื้อหาให้เสร็จในไม่กี่นาทีได้เลย ผลิตเนื้อหาได้เร็วขึ้นในเวลาน้อยลง. แบบนี้มันก็ช่วยให้คุณเอาเวลาไปโฟกัสกับงานสำคัญอย่างอื่นได้มากขึ้น แล้วก็ช่วยเพิ่มผลผลิตโดยรวมของคุณให้ดีขึ้นไปอีกด้วย.
  2. เอาชนะปัญหาการขาดแรงบันดาลใจ: ถ้าคุณกำลังเจอช่วงที่คิดอะไรไม่ค่อยออก คิดไอเดียใหม่ๆ ไม่ได้ หรือหาไม่เจอว่าควรใช้คำแบบไหนถึงจะสื่อสารข้อความของคุณได้ดี เครื่องมือเหล่านี้ก็ช่วยได้เยอะเลย มันสามารถให้แรงบันดาลใจใหม่ๆ แล้วก็ให้มุมมองทางเลือกที่คุณอาจจะยังไม่เคยนึกถึงมาก่อน.

ตอนนี้ก็น่าจะถึงเวลาลองมาดู 10 อันดับแรกของเครื่องมือสร้างบล็อก AI ที่มีอยู่ในตลาดกันจริงๆ แล้วล่ะ เครื่องมือแต่ละตัวก็จะมีฟีเจอร์กับฟังก์ชันการทำงานที่ต่างกันออกไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคน ไม่ว่าคุณจะอยากได้บทความยาวแบบละเอียด หรือโพสต์บล็อกที่เน้นปรับแต่ง SEO ให้ดีขึ้น ก็มีเครื่องมือสร้างบล็อก AI ที่เหมาะกับคุณแน่นอน.

10 อันดับแรกของเครื่องมือสร้างบล็อก AI

1. Junia AI

Blog Post Generator

Junia AI ของ Blog Post Generator เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ช่วยสร้างเนื้อหาบล็อกหลายแบบเลย แบบว่าครอบคลุมมาก มันเด่นตรงที่ใช้เทคนิคการเรียนรู้ของเครื่องกับการประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ค่อนข้างล้ำ เพื่อสร้างบทความที่คุณภาพดีแล้วก็เป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหาไปพร้อมกัน ทำให้บทความที่ออกมาดูดึงดูดผู้อ่านได้เยอะเหมือนกัน

ข้อดี:

  • การสร้างเนื้อหาที่หลากหลาย: เครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกของ Junia AI ไม่ได้แค่เขียนบทความยาวๆ อย่างเดียว แต่มันยังยืดหยุ่นมากในการสร้างโพสต์บล็อกหลายรูปแบบ ผลิตเนื้อหาได้หลายประเภท ตั้งแต่ช่วยระดมไอเดียเล็กๆ ไปจนถึงเขียนร่างบทความที่เกือบสมบูรณ์แล้วด้วยสไตล์ที่ค่อนข้างคล้ายมนุษย์เลย
  • แผนการเขียนไม่จำกัด: ต่างจากเครื่องมืออื่นๆ บางเจ้า Junia AI มีแผนการใช้งานแบบไม่จำกัด ทำให้ผู้ใช้เขียนเนื้อหาได้เรื่อยๆ ไม่มีสะดุด ไม่ต้องมานั่งกลัวโควตาหมดกลางทาง
  • ฟีเจอร์เพิ่มเติม: นอกจากเรื่องเขียนแล้ว Junia AI ยังมีเทมเพลตสำหรับการสนทนาในแชท, ข้อเสนอเกี่ยวกับงานศิลปะ, ตัวเลือกให้ปรับโทนกับสไตล์ของแบรนด์คุณเอง แล้วก็ยังมีเครื่องมือแก้ไขที่ข powered by AI เอาไว้ช่วยขัดเกลาและปรับปรุงเนื้อหาของคุณอีกที

ข้อเสีย:

  • ราคา: เริ่มต้นที่ $20 ต่อเดือน Junia AI อาจจะดูค่อนข้างแพงสำหรับบางคนเหมือนกัน แต่ถ้ามองรวมๆ ถึงฟีเจอร์ที่ให้มาในฐานะเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกอันดับต้นๆ ของวงการ ก็อาจจะถือว่ายังคุ้มอยู่พอสมควร

จากประสบการณ์ที่ฉันใช้ Junia AI เองนะ รู้สึกว่ามันเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างทรงพลัง ช่วยลดเวลาตอนสร้างเนื้อหาไปได้เยอะมากจริงๆ แผนการเขียนไม่จำกัดก็ทำให้ฉันเขียนเนื้อหาเท่าไรก็ได้ อยากลองกี่ไอเดียก็ลองได้ ไม่ค่อยมีข้อจำกัดมากวนใจ

ฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่างเทมเพลตแชทกับการปรับแต่งเสียงแบรนด์ ก็ช่วยให้การทำบล็อกของฉันยืดหยุ่นขึ้นเยอะ ทำให้สามารถผลิตเนื้อหาที่ดูมีเอกลักษณ์และน่าสนใจขึ้น ไม่ได้ซ้ำๆ จำเจมากเกินไป

แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่า ถ้าคุณงบจำกัดอยู่แล้ว ราคาเริ่มต้นอาจจะรู้สึกสูงไปหน่อย สำหรับสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกที่ดีที่สุดในตอนนี้

2. Copy.ai

Blog Post Generator

Copy.ai เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ช่วยสร้างเนื้อหาที่ค่อนข้างน่าประทับใจเลยแหละ แล้วก็เก่งเรื่องการสร้างโพสต์บล็อกคุณภาพสูงแบบรวดเร็วมากๆ เครื่องมือนี้คนจะรู้จักกันเพราะมันทำโพสต์บล็อกได้เร็วและเนื้อหาดี ใช้แล้วช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมกับคนอ่านกับเพิ่มโอกาสการแปลงได้ด้วย

แต่ Copy.ai ไม่ได้ทำได้แค่โพสต์บล็อกอย่างเดียว ความสามารถมันเยอะกว่านั้นอีก ทำให้กลายเป็นคู่แข่งตัวท็อปๆ เวลาคนมองหาเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกที่ดีที่สุดเลย นอกจากนี้ยังใช้สร้างเนื้อหาแบบอื่นๆ ได้อีกหลายแบบ เช่น โพสต์ในโซเชียลมีเดีย, ข้อความโฆษณา, คำอธิบายผลิตภัณฑ์ และอื่นๆ ก็ถือว่าครอบคลุมมาก

ข้อดี:

  • ความเรียบง่าย: จุดเด่นอย่างหนึ่งของการใช้ Copy.ai คืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายมาก แบบเริ่มใช้ครั้งแรกก็พอไหว คุณสามารถเริ่มต้นสร้างเนื้อหาได้ในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคอะไรเลย
  • ความหลากหลาย: Copy.ai รองรับประเภทเนื้อหาที่หลากหลาย ทำให้คุณมีตัวเลือกเยอะและยืดหยุ่นเวลาอยากสร้างเนื้อหาแบบต่างๆ
  • ฟีเจอร์เพิ่มเติม: แพลตฟอร์มนี้ก็มีเครื่องมือช่วยระดมความคิดมาให้ด้วย แล้วก็รองรับหลายภาษา ใช้ได้กับหลายตลาด

ข้อเสีย:

  • ราคา: เริ่มต้นที่ $49 ต่อเดือน ซึ่งสำหรับบางคนอาจรู้สึกว่าแพงไปหน่อย แผนราคานี้อาจเกินงบของผู้ใช้บางคน อย่างไรก็ตาม เขาก็มีเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีให้ลองก่อน เผื่อจะช่วยตัดสินใจได้ว่าจะลงทุนดีไหม

การวิเคราะห์เปรียบเทียบ:

ถ้าเอา Copy.ai ไปเทียบกับเครื่องมือสร้างบล็อก AI อื่นๆ ในตลาดตอนนี้ จะเห็นว่ามันเด่นเรื่องความหลากหลายกับความเรียบง่ายจริงๆ เครื่องมือบางตัวอาจจะเก่งมากๆ แค่ด้านการสร้างโพสต์บล็อกอย่างเดียว แต่พอเป็นเนื้อหาประเภทอื่นกลับไม่ค่อยมีฟีเจอร์ให้ใช้

ซึ่งตรงนี้แหละที่ Copy.ai เปล่งประกาย เพราะมันให้ความสามารถมากกว่าแค่โพสต์บล็อกทั่วไป จากโพสต์โซเชียลมีเดียไปจนถึงข้อความโฆษณาและคำอธิบายผลิตภัณฑ์ มันจัดการได้หลายแบบในที่เดียว สะดวกดี ไม่ต้องกระโดดไปใช้หลายแพลตฟอร์ม

อีกอย่างที่ชอบคืออินเทอร์เฟซใช้งานง่ายจริงๆ ไม่ต้องมีพื้นฐานเทคนิคก็ใช้ได้ ทำให้เหมาะทั้งคนเริ่มต้นกับสายมืออาชีพเลย ถ้าเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น Junia AI หรือ Writesonic ที่อาจจะมีเส้นโค้งการเรียนรู้ค่อนข้างสูงกว่า Copy.ai จะรู้สึกว่าทุกอย่างง่ายและตรงไปตรงมามากกว่า ใช้ง่ายแบบไม่ต้องคิดเยอะ

แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคานี่แหละที่อาจทำให้บางคนลังเล ที่ $49 ต่อเดือน มันสูงกว่าบางเจ้า เช่น Junia AI ที่เริ่มต้นแค่ $20 ต่อเดือน เทียบแล้วก็เห็นความต่างอยู่เหมือนกัน

แต่ถ้ามองในมุมฟีเจอร์กับความยืดหยุ่นที่หลากหลายที่มันให้มา ก็อาจจะรู้สึกว่าราคานี้โอเคสำหรับคนที่ต้องการโซลูชันการสร้างเนื้อหาที่ค่อนข้างครบๆ ในตัวเดียว

ประสบการณ์ของฉันกับ Copy.ai:

ฉันใช้ Copy.ai มาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน บอกตรงๆ ว่าประสบการณ์ค่อนข้างดีเลย เครื่องมือนี้ช่วยให้กระบวนการสร้างเนื้อหาของฉันเร็วขึ้นเยอะ จากเดิมที่ต้องนั่งระดมความคิดนานๆ หรือเริ่มเขียนจากศูนย์ ตอนนี้ใช้เวลาไปกับการปรับแต่งมากกว่ามานั่งคิดตั้งแต่ต้น

ส่วนติดต่อผู้ใช้ก็ดูสะอาดตาและใช้งานง่ายมาก ทำให้ฉันสามารถสร้างเนื้อหาได้เร็วแบบไม่ค่อยติดอะไรเท่าไหร่ นอกจากนี้เครื่องมือการระดมสมองก็ช่วยได้เยอะมากเวลาไอเดียตัน หรือคิดอะไรไม่ออกจริงๆ

เรื่องราคาถ้ามองแวบแรกจะรู้สึกว่าค่อนข้างแพงก็จริง แต่สำหรับฉันรู้สึกว่าคุณค่าที่มันให้ ทั้งฟีเจอร์ที่หลากหลายกับเนื้อหาคุณภาพที่ช่วยประหยัดเวลาฉัน มันคุ้มกับค่าใช้จ่ายอยู่ดี

ดังนั้น ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อก AI ที่ใช้งานง่ายแต่ก็ยังมีความสามารถแบบจัดเต็ม Copy.ai เป็นตัวเลือกที่ควรลองพิจารณาอย่างจริงจังเลย

3. Writesonic

Writesonic

Writesonic บล็อกไรเตอร์เป็นเครื่องมือที่เน้นเรื่องการปรับแต่ง SEO มากๆ เวลาใช้สร้างโพสต์บล็อก คือมันถูกออกแบบมาสำหรับคนที่เข้าใจแล้วว่า SEO สำคัญนะ แล้วก็อยากทำโพสต์บล็อกที่ทั้งน่าอ่านและก็เหมาะกับการค้นหาใน Google อะไรแบบนี้ไปพร้อมกัน

คุณสมบัติและประโยชน์

Writesonic's Blog Writer จะต่างจากเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกอื่น ๆ อยู่พอสมควรเลย เพราะมันมีฟีเจอร์หลายอย่างที่ช่วยเน้นเรื่องคุณภาพกับประสิทธิภาพของเนื้อหาแบบจริงจัง:

  1. เครื่องมือพาราฟเรสที่ขับเคลื่อนด้วย AI: ตัวนี้ช่วยให้เราเอาประโยคหรือย่อหน้าที่มีอยู่แล้วมาปรับใหม่ให้ไม่ซ้ำ เนื้อหาดูสดขึ้น ไม่ดูเหมือนก็อปมา
  2. การแก้ไขไวยากรณ์อัตโนมัติ: ฟีเจอร์นี้จะช่วยเช็กและแก้ไขไวยากรณ์ให้เองอัตโนมัติ เลยประหยัดเวลาไปเยอะในช่วงเกลาภาษา
  3. ข้อเสนอแนะสำหรับหัวข้อ: ระบบจะช่วยเสนอไอเดียหัวข้อที่ดูน่าสนใจ ทำให้โพสต์บล็อกของคุณดูดึงดูดคนอ่านมากขึ้นอีกหน่อย

นอกจากฟีเจอร์หลักๆ พวกนี้แล้ว Writesonic ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น:

  • อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย กดไม่กี่ทีก็พอใช้เป็นแล้ว ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
  • ห้องสมุดแม่แบบโพสต์บล็อกขนาดใหญ่ มีหลายหมวด หลายหัวข้อให้เลือกใช้ ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ทุกครั้ง
  • การเชื่อมต่อกับระบบจัดการเนื้อหายอดนิยม (CMS) อย่าง WordPress และ Medium ทำให้กดเผยแพร่ได้ค่อนข้างลื่นเลย

ตัวเลือกการกำหนดราคา

Writesonic มีหลายแผนราคาให้เลือกตามงบและความต้องการ แต่ละแบบก็จะได้ฟีเจอร์ไม่เท่ากัน นี่คือแผนหลัก ๆ:

  1. แผนพื้นฐาน - 16 ดอลลาร์ต่อเดือน: แผนนี้สร้างโพสต์บล็อกได้ไม่จำกัด แต่ยังไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างการพาราฟเรสหรือการแก้ไขไวยากรณ์
  2. แผนมืออาชีพ - 29 ดอลลาร์ต่อเดือน: นอกจากสร้างโพสต์บล็อกไม่จำกัดแล้ว ยังปลดล็อกฟีเจอร์ขั้นสูงทั้งหมดที่ Writesonic มีให้ด้วย
  3. แผนธุรกิจ - 50 ดอลลาร์ต่อเดือน: ได้ทุกอย่างเหมือนแผนมืออาชีพ แล้วก็เพิ่มการสนับสนุนลูกค้าลำดับความสำคัญกับความเร็วในการสร้างเนื้อหาที่ไวขึ้น

เพราะโครงสร้างราคามันค่อนข้างยืดหยุ่น เลยทำให้ Writesonic เป็นตัวเลือกที่โอเคสำหรับทั้งบุคคลทั่วไป ฟรีแลนซ์ หรือธุรกิจขนาดเล็กใหญ่ ที่กำลังมองหาเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังไม่หลุดงบตัวเองมากเกินไป

ข้อดี:

  • แนวทางที่เน้น SEO: Writesonic โฟกัสเรื่องการปรับแต่ง SEO อย่างจริงจัง ซึ่งช่วยให้บล็อกของคุณมีโอกาสติดอันดับและมองเห็นได้มากขึ้นในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา
  • ฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรม: การเอาเครื่องมือพาราฟเรสด้วย AI มารวมกับการแก้ไขไวยากรณ์อัตโนมัติ ช่วยดันคุณภาพเนื้อหาให้ดูโปรขึ้นแบบชัดเจน
  • ราคายืดหยุ่น: เพราะมีตัวเลือกหลายระดับราคา เลยครอบคลุมผู้ใช้ที่มีงบต่างกันได้ค่อนข้างดี

ข้อเสีย:

  • ต้องใช้เวลาเรียนรู้: ถ้าเป็นมือใหม่ อาจต้องใช้เวลานั่งลองนั่งเล่นนิดนึง ถึงจะเข้าใจและใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดได้คล่อง
  • ต้องตรวจสอบข้อมูลสำหรับโพสต์บล็อกที่สร้างขึ้น: ถึงโพสต์บล็อกที่สร้างโดย AI ของ Writesonic จะออกมาดูโอเคและน่าประทับใจ แต่ก็ยังจำเป็นต้องเช็กอีกรอบก่อนลงจริงอยู่ดี เพราะเครื่องมือนี้ใช้ข้อมูลออนไลน์และข้อมูลปัจจุบัน ซึ่งบางทีก็อาจไม่แม่นหรือไม่อัปเดตเท่าไหร่ เลยควรตรวจสอบและยืนยันข้อมูลที่มันให้มาก่อนเผยแพร่ทุกครั้ง

การวิเคราะห์เปรียบเทียบ

ถ้าเอาไปเทียบกับเครื่องมือสร้างบล็อก AI อื่นๆ อย่าง Blog Generator ของ Copy.ai หรือ Blog Generator ของ Jasper AI จะเห็นว่า Writesonic's Blog Writer เด่นเรื่องการโฟกัสด้านการปรับแต่ง SEO ค่อนข้างชัด เครื่องมืออื่นก็มีฟีเจอร์ SEO เหมือนกันนะ แต่จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับส่วนนี้เท่ากับ Writesonic นอกจากนี้ ฟีเจอร์นวัตกรรมอย่างเครื่องมือการพาราฟเรสด้วย AI กับการแก้ไขไวยากรณ์อัตโนมัติ ก็ช่วยให้มันดูแตกต่างในตลาดไปอีกขั้น

จากประสบการณ์ที่ฉันเคยลองใช้เครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกของ Writesonic เองนะ รู้สึกว่ามันช่วยสร้างเนื้อหาที่ปรับแต่ง SEO ได้ดีและรวดเร็วจริง การแก้ไขไวยากรณ์อัตโนมัติช่วยให้ขั้นตอนการเขียนของฉันเป็นระบบและไม่ยุ่งเท่าเดิม แม้ช่วงแรกจะต้องใช้เวลาเรียนรู้ฟีเจอร์ต่าง ๆ นิดหน่อย ออกแนวงงบ้าง แต่พอเริ่มคล่องแล้วก็รู้สึกว่ามันคุ้มกับเวลาที่ลงไป เพราะคุณภาพงานที่ได้มันดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด

4. Jasper AI

Jasper AI

เครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกของ Jasper AI ถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกที่ดีที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้ ได้รับการยอมรับแบบค่อนข้างมั่นคงแล้วแหละ ว่ามันเก่งเรื่องการสร้างคอนเทนต์ เพราะมันเอาการประมวลผลภาษาธรรมชาติไปผสมกับการเรียนรู้ของเครื่อง ทำให้มันเขียนเนื้อหาบล็อกออกมาได้แบบค่อนข้างครบ เหมือนคนเขียนเองประมาณนั้น

ลองนึกภาพดูว่าถ้ามีผู้ช่วยที่สร้างโพสต์บล็อกให้คุณได้เกือบทั้งบท แค่คุณโยนชื่อเรื่องหรือคำอธิบายสั้น ๆ ให้เท่านั้นเอง มันฟังดูเวอร์ ๆ แต่จริง ๆ นั่นแหละคือพลังของเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกของ Jasper AI ที่เป็นเหมือนเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกระดับท็อป มันทำตัวเหมือนเป็นนักเขียนสำเนาส่วนตัวของคุณเลย พร้อมจะช่วยเขียนทั้งโพสต์บล็อก ข้อความโฆษณา หรือแม้แต่คำอธิบายผลิตภัณฑ์ก็ยังได้

หนึ่งในฟีเจอร์ที่เด่นมาก ๆ ที่ทำให้เครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกตัวนี้ต่างจากเจ้าอื่นคือการ integrate กับ Grammarly อาจมีคนสงสัยว่า “แล้วทำไมมันถึงสำคัญล่ะ?” คือถึงแม้ AI จะล้ำแค่ไหนก็ยังไม่เป๊ะ 100% อยู่ดี การ integrate กับ Grammarly เลยช่วยให้ Jasper ทำโพสต์บล็อกที่ไม่ใช่แค่เขียนออกมาแบบไม่ซ้ำ แต่ยังถูกต้องตามหลักไวยากรณ์มากขึ้นอีกด้วย การ integrate แบบนี้ช่วยลดเวลาที่ต้องมานั่งเช็ก มานั่งแก้ไขเองได้เยอะเลย

ในฐานะที่เป็นเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกที่ใช้งานได้หลากหลาย Jasper ก็เลยมีแผนการใช้งานหลายแบบให้เลือก เหมาะกับทั้งคนที่ต้องการใช้แบบเบา ๆ ไปจนถึงแบบจริงจังมาก ๆ เริ่มจากแผนพื้นฐานสำหรับผู้สร้างทั่วไปที่ราคา $49 ต่อเดือน ไปถึงแผนระดับองค์กรสำหรับธุรกิจที่ต้องใช้เนื้อหาเยอะมาก ๆ ก็มี เรียกได้ว่าพยายามตอบโจทย์ผู้ใช้หลายกลุ่มอยู่เหมือนกัน

ข้อดี:

  • การสร้างโพสต์บล็อกด้วยพลังของ AI: สามารถสร้างเนื้อหาได้หลายประเภท ทั้งโพสต์บล็อก ข้อความโฆษณา และคำอธิบายผลิตภัณฑ์
  • Integration กับ Grammarly: ช่วยให้โพสต์บล็อกที่สร้างขึ้นมีความถูกต้องทางไวยากรณ์มากขึ้น
  • แผนการใช้งานที่ยืดหยุ่น: มีหลายแพ็กเกจให้เลือกตามงบและความต้องการที่ต่างกัน

ข้อเสีย:

  • ต้องการการดูแล: ถึงแม้ Jasper จะสร้างโพสต์บล็อกคุณภาพค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่ก็มักจะยังต้องมีการใส่ สัมผัสจากมนุษย์ เพิ่มเข้าไป เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้นในเรื่อง น้ำเสียง และบริบทต่าง ๆ
  • ค่าใช้จ่าย: สำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือผู้ใช้คนเดียว แผนราคาบางอันอาจรู้สึกว่าแพงไปหน่อย

การวิเคราะห์เปรียบเทียบ

ถ้าเอามาเทียบกับเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกตัวอื่นๆ อย่างเช่น Writesonic นะ Jasper AI มันก็มีจุดเด่นของมันอยู่เหมือนกัน อย่างเรื่องการ integrate กับ Grammarly นี่แหละ ที่ทำให้มันดูโดดขึ้นมาเลย ในส่วนนี้ Jasper จะค่อนข้างแม่นเรื่องไวยากรณ์ของโพสต์ที่สร้างออกมา ทำให้โดยรวมแล้วมันดูเหนือกว่าเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกตัวอื่นๆ อยู่พอสมควร

แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องมืออย่าง Writesonic ก็มีสายของมันเหมือนกัน คือเน้นการสร้างเนื้อหาที่เหมาะกับ SEO แล้วก็มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายกว่าหน่อยๆ ซึ่งตรงนี้อาจเป็นจุดที่ทำให้หลายคนเอาไปใช้ตัดสินใจได้เหมือนกัน สุดท้ายแล้วการจะเลือกใช้ Jasper หรือเครื่องมืออื่น ๆ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องความต้องการส่วนตัว แล้วก็ตัวลำดับความสำคัญของแต่ละคนเองมากกว่า

จากประสบการณ์ส่วนตัวของฉันที่ลองใช้ Jasper AI's Blog Post Generator นะ รู้สึกว่ามันช่วยให้การสร้างเนื้อหาหลากหลายแบบมันง่ายขึ้นเยอะเลย การที่มันรวมเข้ากับ Grammarly ได้ ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าบทความบล็อกที่มันสร้างให้ฉันอะ นอกจากจะมีสไตล์ของตัวเองแล้ว ยังถูกต้องตามหลักไวยากรณ์อีกด้วย แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าในบางครั้งฉันก็ยังต้องเข้าไปปรับโทนกับบริบทของบทความบล็อกเองอยู่ดี มีแก้นู่นนี่บ้างเล็กน้อย ถึงจะมีข้อเสียจุดเล็กๆ แบบนี้ แต่โดยรวมแล้วฉันก็ยังขอแนะนำ Jasper AI's Blog Post Generator อย่างมากอยู่ดี เพราะฟีเจอร์มันค่อนข้างทันสมัยและใช้งานไม่ยากเลย

5. Peppertype.ai

Peppertype.ai

Peppertype.ai เป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างดังในวงการสร้างโพสต์บล็อกเลยนะ ชื่อเสียงหลักๆ ก็คือช่วยเขียนบทความที่มีอัตราการแปลงที่ดี ใช้แล้วคอนเวิร์ตโอเคเลย มันมีเครื่องมือการสร้างเนื้อหาหลายแบบให้เลือก และก็มีฟีเจอร์ที่ค่อนข้างใหม่ๆ แปลกๆ หน่อย ทำให้เนื้อหาของคุณดูน่าสนใจขึ้น แล้วก็ดูโน้มน้าวใจคนอ่านได้มากขึ้นด้วย ลองมาดูแบบละเอียดหน่อยว่าฟีเจอร์ของเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อก AI ที่ค่อนข้างทรงพลังตัวนี้ มันมีอะไรให้เล่นบ้าง

ฟีเจอร์ของ Peppertype.ai

Peppertype.ai มีชุดเครื่องมือสร้างเนื้อหาที่ค่อนข้างครบ ใช้งานแล้วรู้สึกว่าการเขียนบล็อกมันลื่นขึ้นเยอะ ทำงานง่ายขึ้น ไม่เครียด เครื่องมือหลักๆ ที่ให้มาก็มีประมาณนี้:

  1. ตัวสร้างไอเดียบล็อก: ฟีเจอร์นี้ช่วยเวลาเราคิดอะไรไม่ออก แบบตันจริงๆ ก็ใส่คำสำคัญหรือหัวข้อคร่าวๆ เข้าไป Peppertype.ai ก็จะสุ่ม เสนอไอเดียที่ไม่ซ้ำและค่อนข้างสร้างสรรค์ออกมาให้ ใช้เป็นจุดเริ่มต้นเขียนโพสต์บล็อกได้ดีเลย
  2. ตัวสร้างหัวข้อบล็อก: หัวข้อดึงดูดนี่สำคัญมาก เพราะถ้าหัวข้อไม่เด่นคนก็ไม่กดอ่าน ตัวสร้างหัวข้อของ Peppertype.ai เลยช่วยให้คุณกดสร้างหัวข้อที่มันดูน่าคลิก น่าอ่าน กระตุ้นให้ผู้ชมอยากกดเข้ามาดูเนื้อหาของคุณ
  3. นักเขียนโพสต์บล็อก AI: เครื่องมือนี้จะช่วยสร้างร่างบทความแบบเต็มๆ ให้สำหรับหัวข้อที่คุณเลือกมา ตัวร่างก็จะจัดระเบียบมาค่อนข้างดี เนื้อหาก็ออกมาแนวโน้มน้าวใจ ทำให้ผู้อ่านสนใจอ่านต่อได้เรื่อยๆ

ประโยชน์ของการใช้ตัวสร้างโพสต์บล็อกจาก Peppertype.ai

การใช้ตัวสร้างโพสต์บล็อกจาก Peppertype.ai ทำให้ขั้นตอนการเขียนบทความที่ต้องเน้นอัตราการแปลงดีๆ ง่ายขึ้นเยอะ ประหยัดทั้งเวลาและแรง แบบลดภาระหลายอย่างลง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจอยู่ ไม่ว่าคุณจะเป็นบล็อกเกอร์สายจริงจังมีประสบการณ์อยู่แล้ว หรือเพิ่งเริ่มเขียนใหม่ๆ เครื่องมือที่ใช้พลังจาก AI ตัวนี้ก็ช่วยเสริมสกิลการเขียนของคุณได้ดี และช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายด้านการตลาดเนื้อหาได้ง่ายขึ้น

ข้อดีและข้อเสียของตัวสร้างโพสต์บล็อกจาก Peppertype.ai

ข้อดี:

  • เครื่องมือการสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุม: ตั้งแต่เริ่มคิดไอเดีย ไปจนถึงร่างบทความแบบจบครบ Peppertype.ai มีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการเขียนบล็อกโพสต์ให้ลื่นไหลอยู่เกือบหมด
  • อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย: หน้าตาเครื่องมือสร้างบล็อกโพสต์ใช้งานง่ายมาก คนที่ไม่เก่งเทคโนโลยีก็ยังใช้ได้แบบไม่สับสนเท่าไหร่
  • บล็อกโพสต์ที่มีคุณภาพสูงและน่าสนใจ: อัลกอริธึม AI ของมันช่วยให้สร้างโพสต์ที่ค่อนข้างน่าอ่าน ดูมีพลัง โน้มน้าวใจผู้อ่านได้ดี

ข้อเสีย:

  • การปรับแต่งที่จำกัด: ถึง Peppertype.ai จะมีฟีเจอร์เยอะก็จริง แต่ระดับการปรับแต่งภายในตัวสร้างบล็อกโพสต์ยังรู้สึกว่าปรับได้ไม่สุดเท่าไหร่ ยังพอมีช่องให้พัฒนาเพิ่ม
  • ค่าใช้จ่ายในการสมัครสมาชิก: ค่าใช้บริการอาจจะแรงไปหน่อยสำหรับธุรกิจเล็กๆ หรือคนที่ใช้งานคนเดียว

ประสบการณ์ส่วนตัวกับ Peppertype.ai

จากประสบการณ์ส่วนตัวของฉัน Peppertype.ai ทำให้กระบวนการสร้างเนื้อหาของฉันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เครื่องมือสร้างแนวคิดของมันกลายเป็นตัวช่วยหลักเวลาฉันคิดไอเดียบล็อกโพสต์ไม่ออกเลย ใช้ประจำ แต่ก็ยังรู้สึกว่าด้านตัวเลือกการปรับแต่งภายในฟีเจอร์ของตัวสร้างบล็อกโพสต์ยังมีที่ให้ปรับปรุงได้อีกนิด ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังขอแนะนำ Peppertype.ai อย่างสูงอยู่ดี เพราะความสามารถที่มันให้มาและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้มันดีมากจริงๆ

6. Article Forge

Article Forge

[Article Forge](https://www.articleforge.com/) เป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกที่ดีที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ จุดเด่นคือมันเขียนอัตโนมัติด้วย AI แบบเต็มรูปแบบจริงๆ แล้วก็มีตัวเลือกการสร้างบทความหลากหลาย ใช้ได้กับหัวข้อหลายแบบ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นมากสำหรับสายสร้างเนื้อหา

ข้อได้เปรียบหลักของการใช้ Article Forge เป็นเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกหลัก ก็คืออัลกอริธึม AI ที่ค่อนข้างทรงพลัง มันสามารถสร้างร่างบทความละเอียดๆ ได้ โดยที่เราใส่ข้อมูลเข้าไปนิดหน่อยเอง ซึ่งมันช่วยประหยัดเวลาไปเยอะมาก แถมยังทำให้เรามีเวลามาโฟกัสกับส่วนอื่นๆ ที่สำคัญในกลยุทธ์เนื้อหาของเราแทน

ข้อดี:

  • ความหลากหลาย: Article Forge เหมาะมากสำหรับการผลิตบทความหลากหลายหัวข้อ จะเขียนเกี่ยวกับเทคโนโลยี การเงิน สุขภาพ หรือหัวข้ออื่นๆ เครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกชั้นนำตัวนี้ก็ยังทำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและน่าอ่านออกมาให้ได้
  • การเขียนอัตโนมัติ: ในฐานะนักเขียน AI อัตโนมัติ มันทำให้ขั้นตอนการสร้างเนื้อหาง่ายแบบสุดๆ ตัดช่วงร่างด้วยมือออกไปได้เลย เหมาะกับคนทำงานที่ยุ่งมากๆ แต่ยังต้องการเนื้อหาคุณภาพดีแบบรวดเร็ว
  • แผนราคาที่เหมาะสม: มีแผนราคาเริ่มต้นที่ $57 ต่อเดือน หรือจะสมัครแบบรายปีก็ยิ่งถูกลง Article Forge เลยตอบโจทย์งบประมาณที่แตกต่างกันได้หลายแบบ

ข้อเสีย:

  • ขาดสัมผัสส่วนตัว: ถึงมันจะเขียนบทความที่ใช้ได้ออกมา แต่บางครั้งเนื้อหาที่ได้อาจจะยังขาดความเป็นตัวเอง หรือสไตล์เฉพาะแบบที่คนเขียนเองมักจะมี
  • การปรับแต่งจำกัด: ถ้าเทียบกับเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกชั้นนำตัวอื่นๆ Article Forge อาจมีตัวเลือกการปรับแต่งบทความให้น้อยกว่านิดหน่อย

จากประสบการณ์ของฉัน Article Forge ช่วยให้กระบวนการเขียนของฉันเร็วขึ้นจริงๆ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าฟีเจอร์อัตโนมัติของมัน และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับหัวข้อหลายแบบนี่มีประโยชน์มาก ถ้าคุณกำลังมองหานักเขียน AI อัตโนมัติที่ทั้งมีประสิทธิภาพและใช้งานได้หลากหลาย อยู่ในกลุ่มเครื่องมือสร้างโพสต์บล็อกที่ดีที่สุด การลองใช้ Article Forge น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆ เลย

การวิเคราะห์เปรียบเทียบ

ถ้าเอา Article Forge ไปเทียบกับเครื่องมือสร้างบล็อก AI ตัวอื่นๆ หนึ่งในจุดเด่นที่สุดของมันคือความหลากหลาย มันสร้างเนื้อหาได้ในหลายหัวข้อมากๆ เลย ทำให้เหมาะกับคนทำคอนเทนต์ที่ต้องเขียนหลายสาย หลายหมวดในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ความสามารถในการเขียนอัตโนมัติเต็มรูปแบบก็ช่วยประหยัดเวลาและแรงไปได้เยอะมากด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแผนราคาจะถือว่าโอเค แต่ผู้ใช้บางคนอาจรู้สึกว่าระดับการปรับแต่งยังน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง Peppertype.ai เครื่องมือแบบนั้นอาจปรับแต่งได้ละเอียดกว่า แต่ก็อาจไม่ได้ให้ระดับการทำงานอัตโนมัติแบบที่ Article Forge มีเช่นกัน

มองจากมุมส่วนตัวของฉันเอง การใช้ Article Forge ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ถึงมันจะมีข้อจำกัดเล็กๆ ในเรื่องตัวเลือกการปรับแต่ง และบางครั้งบทความที่ได้จะขาดความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง แต่ฉันก็ยังประทับใจกับฟีเจอร์อัตโนมัติของมัน รวมถึงความหลากหลายในการเอาไปใช้กับหลายๆ ด้าน ความสะดวกที่มันช่วยประหยัดเวลาให้ได้นี่พูดจริงๆ ว่ามีค่ามาก สำหรับคนทำงานยุ่งๆ ที่ต้องการเนื้อหาคุณภาพสูงในเวลาจำกัด เครื่องมือนี้ถือว่าเปลี่ยนเกมได้เลย

ข้อควรพิจารณาในการเลือกเครื่องมือสร้างบล็อก AI

เวลาเราจะเลือกเครื่องมือสร้างบล็อก AI ที่ดีที่สุดให้ตรงกับความต้องการของตัวเองนะ มันมีหลายปัจจัยที่ควรคิดจริงๆ ไม่ใช่แค่เห็นคนใช้เยอะแล้วตามอย่างเดียว การลองประเมินปัจจัยเหล่านี้ดูก่อน จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้แบบมีข้อมูลมากขึ้น แล้วก็เลือกเครื่องมือเขียน AI ที่ดีที่สุด ที่เหมาะกับสิ่งที่คุณต้องการใช้จริงๆ นี่แหละคือข้อควรพิจารณาหลักๆ ที่ควรดูไว้ก่อนเลือกใช้:

ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อประเมินและเลือกเครื่องมือสร้างบล็อก AI:

  1. ใช้งานง่าย: ให้ลองมองหาเครื่องมือที่อินเทอร์เฟซใช้งานง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ฟีเจอร์ก็ต้องดูแล้วเข้าใจได้ทันทีนะ เพราะสิ่งสุดท้ายที่คุณอยากเจอคือมานั่งเสียเวลาหลายชั่วโมง พยายามงมว่าต้องกดตรงไหน ใช้อะไรยังไง A seamless and straightforward user experience จะช่วยประหยัดทั้งเวลาแล้วก็ลดความหงุดหงิดไปได้เยอะเลย
  2. ราคาไม่แพง: เรื่องราคานี่สำคัญมากเวลาเลือกเครื่องมืออะไรสักอย่าง ลองเปรียบเทียบแผนการกำหนดราคาของเครื่องมือสร้างบล็อก AI แต่ละตัว แล้วค่อยดูว่าแผนไหนที่มันเข้ากับงบของคุณมากที่สุด แต่ก็ยังได้ฟีเจอร์ที่จำเป็นครบๆ อย่าลืมเช็คด้วยว่าเครื่องมือนั้นมีให้ทดลองใช้ฟรี หรือมีการรับประกันคืนเงินไหม เพราะมันช่วยให้คุณได้ลองใช้งานจริงก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายเงินซื้อ
  3. ความสามารถในการรวมเข้ากันได้: ถ้าคุณมีเวิร์กโฟลว์หรือเครื่องมือที่ใช้อยู่แล้วก่อนหน้านี้ การเช็คว่าเครื่องมือสร้างบล็อก AI มันสามารถรวมเข้ากับของเดิมที่คุณใช้ได้แบบราบรื่นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ลองดูว่ามันรองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง WordPress, Google Docs หรือระบบจัดการเนื้อหาอื่นๆ ที่คุณใช้บ่อยๆ หรือเปล่า
  4. คุณภาพของเนื้อหา: ให้ลองประเมินคุณภาพของเนื้อหาที่เครื่องมือเขียน AI มันสร้างออกมา ดูว่าเนื้อหามันสอดคล้องกันไหม มีโครงสร้างดีหรือเปล่า อ่านแล้วน่าสนใจหรือไม่ และต้องเข้ากับโทนเสียงกับแนวทางของแบรนด์ของคุณด้วย ไม่งั้นมันจะรู้สึกหลุดๆ แปลกๆ ไปหน่อย
  5. ตัวเลือกในการปรับแต่ง: ลองคิดดูว่าเครื่องมือนั้นมันเปิดโอกาสให้คุณปรับแต่งเนื้อหาที่สร้างขึ้นให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของคุณได้มากแค่ไหน ความสามารถในการปรับแต่งและปรersonalize เนื้อหา จะช่วยให้เนื้อหามันตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของคุณได้จริงๆ มากกว่าการใช้แบบสำเร็จรูปไปเลย

อย่าลืมนะว่า เครื่องมือสร้างบล็อก AI แต่ละตัวก็จะมีทั้งจุดแข็งแล้วก็ข้อจำกัดของมันเอง ดังนั้นมันเลยสำคัญมากที่คุณต้องเอาปัจจัยพวกนี้มาประเมินให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของคุณเองจริงๆ ไม่ใช่แค่ตามกระแส

"การเลือกเครื่องมือสร้างบล็อก AI ที่เหมาะสมเกี่ยวข้องกับการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความสะดวกในการใช้งาน ราคา ความสามารถในการรวมเข้ากันได้ คุณภาพของเนื้อหา และตัวเลือกในการปรับแต่ง"

ถ้าคุณลองประเมินสิ่งเหล่านี้อย่างรอบคอบสักหน่อย คุณก็จะสามารถเลือกเครื่องมือสร้างบล็อก AI ที่เหมาะกับตัวเองที่สุดได้ แล้วมันจะช่วยให้กระบวนการสร้างเนื้อหาของคุณไหลลื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแบบรู้สึกได้เลย

บทสรุป

การใช้เครื่องมือสร้างบล็อก AI เนี่ย บอกตรงๆ ว่าช่วยได้เยอะมากๆ สำหรับคนทำคอนเทนต์ นักการตลาด หรือแม้แต่ธุรกิจทุกขนาดเลยก็ว่าได้ เครื่องมือพวกนี้มีข้อดีเพียบ แบบช่วยประหยัดเวลา ช่วยสร้างเนื้อหาที่ดูมีคุณภาพ แล้วก็ช่วยเสริมงานด้าน SEO ให้ดีขึ้นด้วย

แล้วถ้าคุณมีกรณีใช้งานหรือว่ามีงบประมาณไม่เหมือนกัน ก็ลองดูคำแนะนำคร่าวๆ พวกนี้ได้เลย:

  1. Junia AI: เหมาะมากสำหรับการสร้างเนื้อหาบล็อกทุกรูปแบบ ฟีเจอร์คือให้มาครบจริงๆ แล้วก็มีตัวเลือกแพลนที่ใช้ได้แบบไม่มีขีดจำกัดด้วย
  2. Copy.ai: เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้หลากหลาย มีแม่แบบการเขียนหลายแบบ หลายสไตล์ เอาไว้ช่วยสร้างโพสต์บล็อกที่ทำงานได้ดีและดูเป็นมืออาชีพหน่อย
  3. Writesonic: เหมาะกับคนที่เน้นบทความแบบเน้น SEO ปรับแต่งได้ แล้วก็มีตัวช่วยค้นคว้าคำหลักให้ เลยทำให้วางแผนคอนเทนต์ง่ายขึ้น
  4. Jasper: แนะนำสำหรับคนที่อยากได้บทความที่สร้างโดย AI ที่คุณภาพการเขียนสูงขึ้นอีกนิด เพราะมันรวมเข้ากับ Grammarly ได้ ทำให้เกลาข้อความได้ดีขึ้น
  5. Peppertype.ai: ดีมากสำหรับการสร้างบทความบล็อกที่เน้นอัตราการแปลงสูง มีเครื่องมือช่วยสร้างเนื้อหาหลายแบบให้เลือกใช้
  6. ArticleForge: เป็นตัวเลือกยอดนิยมอีกตัว เพราะมันสามารถสร้างเนื้อหาที่ไม่ซ้ำกัน แล้วก็อิงจากการวิจัยในหัวข้อต่างๆ ได้เยอะมากจริงๆ

ฉันอยากแนะนำแบบจริงใจเลยนะ ให้คุณลองไปสำรวจเครื่องมือสร้างบล็อก AI ชั้นนำพวกนี้ดู แล้วค่อยๆ ดูว่าแบบไหนที่เข้ากับสไตล์การทำงานของคุณ หรือเปลี่ยนกระบวนการสร้างเนื้อหาของคุณได้มากแค่ไหน ลองเริ่มใช้พลังของ AI ตั้งแต่วันนี้ จะได้เพิ่มผลผลิตของคุณให้ดีขึ้น แล้วก็ช่วยให้คุณทำโพสต์บล็อกออกมาได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมอีกเยอะเลย

Frequently asked questions
  • เครื่องมือสร้างบล็อก AI ก็คือแอปซอฟต์แวร์ที่เอาไว้ช่วยสร้างเนื้อหาบล็อกโดยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก แล้วก็ใช้พวกอัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยคิด ช่วยเขียนอะไรแบบนี้ พวกมันสามารถสร้างโพสต์บล็อกที่ไม่ซ้ำกัน ตรงกับความต้องการของเรา แล้วก็ปรับแต่งให้เหมาะสมกับ SEO ได้แบบค่อนข้างเร็วมาก ช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาประหยัดเวลา แถมลดความพยายามที่ต้องใช้ลงไปเยอะเลย
  • เครื่องมือสร้างบล็อก AI มีประโยชน์เยอะมากเลยนะ แบบว่าใช้แล้วช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะมาก ช่วยให้เราผลิตเนื้อหาที่หลากหลายและเป็นมิตรกับ SEO ได้ง่ายขึ้นอีกต่างหาก แล้วก็ยังช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ เวลาคิดอะไรไม่ออก หรือมีปัญหาการขาดแรงบันดาลใจในการเขียน เครื่องมือนี้ก็ช่วยได้ดีอยู่เหมือนกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างโพสต์บล็อกคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพในหัวข้อต่างๆ แบบสะดวกและไม่ยุ่งยากมากเกินไปด้วย
  • บางส่วนของเครื่องมือสร้างบล็อก AI ที่ดีที่สุดก็จะมี Junia AI, Copy.ai, Writesonic, Jasper AI, Peppertype.ai และก็ Article Forge พวกนี้แหละ แต่ละตัวก็มีฟีเจอร์ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองนะ เช่น การปรับแต่ง SEO ความหลากหลายในการสร้างเนื้อหา อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย แล้วก็ชุดเครื่องมือที่ค่อนข้างครบเลย เพื่อช่วยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกันออกไป แบบว่าคนละสไตล์คนละแนวอะไรแบบนี้
  • ราคาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์มเลยนะ อย่างเช่น Junia AI เริ่มต้นที่ $20 ต่อเดือน แล้วก็มีตัวเลือกให้สร้างเนื้อหาได้หลากหลายแบบมากๆ ส่วนแผนของ Copy.ai นี่จะเริ่มต้นที่ $49 ต่อเดือน โดยจะเน้นเรื่องความเรียบง่ายแล้วก็ฟีเจอร์ที่แข็งแกร่งใช้งานสะดวก ผู้ใช้ก็ควรลองดูงบประมาณของตัวเองไปพร้อมๆ กับความต้องการด้านฟีเจอร์ก่อนตัดสินใจเลือกใช้เครื่องมือว่าจะเอาอันไหนดี
  • ปัจจัยสำคัญก็จะมีหลายอย่างอยู่เหมือนกันนะ อย่างแรกเลยคือความสะดวกในการใช้งาน ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องมานั่งงงกับเมนูต่างๆ ให้ปวดหัว แล้วก็เรื่องความสามารถในการปรับแต่ง SEO เพื่อปรับปรุงอันดับการค้นหา อันนี้สำคัญมาก เพราะถ้าปรับ SEO ดีๆ เนื้อหาของเราก็มีโอกาสถูกคนเห็นเยอะขึ้น ต่อมาก็ความหลากหลายประเภทของเนื้อหาที่รองรับ ว่าระบบมันทำได้กี่แบบ ทำได้แค่บทความหรือมีวิดีโอ รูปภาพ อะไรพวกนี้ด้วยไหม แผนราคาให้เหมาะกับงบประมาณของคุณ ก็ต้องดูดีๆ ว่าคุ้มไหม สมเหตุสมผลหรือเปล่า ไม่เกินงบที่ตั้งใจไว้ แล้วสุดท้ายก็คือระดับของการปรับแต่งหรือการดูแลที่จำเป็นสำหรับคุณภาพของเนื้อหาที่สร้างขึ้น ว่าต้องมานั่งแก้เองเยอะไหม หรือระบบช่วยได้มากแค่ไหน เพื่อให้เนื้อหาที่ออกมาดูดีและใช้ได้จริง
  • แม้ว่าเครื่องมือสร้างบล็อก AI จะช่วยผลิตเนื้อหาคุณภาพสูงและหลากหลายได้ค่อนข้างเร็วมาก ๆ เลยก็จริงนะ แต่ก็ยังต้องมีคนคอยดูแล ตรวจอีกทีอยู่ดี เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลมันถูกต้อง ปรับให้ดูเป็นสไตล์ส่วนตัวมากขึ้น แล้วก็ให้อ่านแล้วน่าสนใจหน่อย ไม่งั้นมันจะดูแข็ง ๆ ไปนิด พวกเครื่องมือพวกนี้เลยเหมาะจะเป็นเหมือนผู้ช่วยที่ทรงพลังมากกว่า ไม่ได้มาแทนที่นักเขียนมนุษย์ที่มีทักษะจริง ๆ หรอก